CLICK HERE FOR BLOGGER TEMPLATES AND MYSPACE LAYOUTS »

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ทำแฟ้มผลงาน [Portfolio] ยังไง..ให้แอดฯ"ติด"

การสอบสัมภาษณ์ หากพูดตรงๆ ตามที่เคยผ่านมา เป็นแค่เพียงการพูดคุยรู้จักเท่านั้นเอง..ไม่มีได้ซีเรียส ไม่ได้หนักหนาวิชาการอะไรมากมาย..ส่วนใหญ่อาจารย์ที่เป็นคณะกรรมการก็จะให้เราแนะนำตัว และถามประวัติของเรา..และในส่วนตรงนี้แหละหากใครที่มีผลงานเยอะๆ ก็สามารถนำเสนอในช่วงนี้ได้เลย..
โดยการนำเสนอผลงานนั้นก็จะต้องถูกจัดรูปแบบไปอย่างสง่ามีระเบียบ ไม่ใช่เป็นเอกสารหลายๆ แผ่นไปยื่น แต่ถึงขนาดต้องเป็นแฟ้มสวยงาม และสร้างสรรค์ วันนี้พี่ลาเต้ก็เลยมีขั้นตอนการทำแฟ้มผลงาน หรือ Portfolio มาฝากน้องๆ กันครับ..ลองดูซิว่าในแฟ้มผลงาน 1 แฟ้ม จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1.หน้าปก
ควรออกแบบให้สะดุดตาไปเลย แบบเห็นปุ๊บแล้วอยากหยิบขึ้นมาอ่านปั๊บ ถ้าหน้าตาดีก็ใส่รูปตัวเองลงไปได้ นำเสนอตัวเองให้เต็มที่..แต่ที่สำคัญต้องเข้าใจง่ายและมีเนื้อหาครบถ้วน คือ เป็นของใคร ชั้นอะไร เรียนที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เหตุใด ฯลฯ [แต่ต้องเน้นส่วนที่เป็นตัวของเราที่สุด ทำออกมาให้เป็นตัวของตัวเอง]..ส่วนนี้ถือเป็นหน้าตาด่านแรกของน้องๆ เลยนะครับ..หากใครที่ไม่ค่อยมีไอเดียบรรเจิด ก็อย่าคิดมากก็เน้นทำแบบสะอาดๆ มีระเบียบก็น่าสนใจไม่น้อยครับ..
2.ประวัติส่วนตัว
นำเสนอตัวเองเต็มที่เช่นกันครับ ถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้ทำเป็น 2 ชุด คือ ชุดที่เป็นภาษาไทย และชุดที่เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงความสามารถของตนให้แฟ้มดูน่าเชื่อถือมากขึ้น..โดยเนื้อหาที่ใส่ไปก็แนะนำตัวไปเลย ชื่อ นามสกุล วันเกิด สุขภาพ นิสัย ความชอบ รวมถึงแนวคิด และความคาดหวังในอนาคตของเราที่ทำให้เขารู้จักตัวเรามากที่สุด..ซึ่งจากหน้านี้แหละเขาจะรู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร..ส่วนฟอนท์ตัวหนังสือ พี่ลาเต้แนะนำให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งเล่มครับ..โดยฟอนท์ที่ดูเรียบร้อยเป็นมืออาชีพ ก็จะมีพวก Angsana, Cordia เป็นต้นครับ...
3.ประวัติการศึกษา
ให้เขียนเรียงลำดับจากการศึกษาที่น้อยสุดมาจบที่ปัจจุบัน โดยเพื่อความแสดงศักยภาพในการเรียน และอาจจะบอกไปด้วยก็ได้ว่า แต่ละระดับที่เราเรียนมานั้นได้เกรดเฉลี่ยรวมเท่าไหร่ แต่หากใครที่ไม่มั่นใจก็เว้นไว้ก็ไม่เป็นไรครับ..รายชื่อโรงเรียนก็เขียนให้เต็มยศเลยนะครับ..ไม่ควรที่จะย่อ ส่วนระดับก็สามารถแยกเป็น ระดับประถมศึกษา, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับอาชีวศึกษา เป็นต้นครับ..
4.รางวัล และผลงานที่ได้รับ
เขียนเป็นลักษณะการเรียงลำดับได้เลยครับ..โดยจะกำหนดเป็นปี พ.ศ. ก็จะน่าดูไม่ใช่น้อย เช่น พ.ศ. 2550 มีกิจกรรมอะไรบ้างที่เราเข้าร่วม หรือได้รับรางวัลเกียรติบัตรอะไรบ้าง..หากกิจกรรมที่เราเข้าร่วม มีรูปประกอบด้วย ก็สามารถลงในส่วนนี้ได้เลยครับ ซึ่งส่วนที่เป็นรายชื่อรางวัลที่ได้รับ กับส่วนที่เป็นประมวลภาพควรจะอยู่คนละส่วนกัน ไม่ควรนำมาปนกันในหน้าเดียวกันครับ ซึ่งในส่วนนี้เขียนเป็นผลงาน พร้อมรูปประกอบเท่านั้นนะครับ..อย่าเพิ่งใส่ประกาศนียบัตรลงไป..ส่วนที่เป็นใบประกาศจะมีอีกส่วนหนึ่งอยู่ด้านท้ายครับ..
5.รางวัลและผลงานที่ประทับใจ
ส่วนนี้จะพิเศษมากกว่าผลงานทั่วไปครับ..เพราะเป็นผลงานที่เราภาคภูมิใจ และประทับใจเต็มใจมากๆ ที่จะนำเสนอ..ลักษณะการจัดการเขียนก็คล้ายๆ กับข้อก่อนหน้านี้..แต่สิ่งที่ควรเพิ่มควรจะมีการบรรยายให้ผู้อ่านได้ทราบด้วยว่า ผลงานนี้เราภูมิใจอย่างไร เหนื่อยยากอดทนแค่ไหนกว่าจะได้มา..ที่สำคัญอย่าลืมใส่รูปประกอบไปด้วย..จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้ไม่น้อยทีเดียวครับ..
6.กิจกรรมที่ทำระหว่างเรียน
น้องๆ คนไหนที่เป็นประธานนักเรียน คณะกรรมการนักเรียน ประธานชมรม หรือเครือข่ายกิจกรรมโรงเรียนต่างๆ ก็สามารถมานำเสนอได้ในส่วนนี้ครับ..ส่วนใหญ่การทำกิจกรรมมักจะไม่มีประกาศนีบบัตร ซึ่งลักษณะการนำเสนอก็บอกไปเลยว่า ระดับ ม.1 ทำกิจกรรมอะไรบ้าง..ม.2 ม.3 ม.4 ถึง ม.6 ทำกิจกรรมอะไรบ้าง..ตรงส่วนนี้จะรวมถึงการทำงานพิเศษ งานพาร์ทไทม์ก็ได้ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการประมวลภาพกิจกรรมที่เราเคยทำ..ข้อนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ โดยหากใครมีเยอะ ย่อมเป็นที่สนใจของผู้อ่านเยอะเช่นกันครับ..
7.ผลงานตัวอย่าง
หลายคนอาจจะบอกว่ามีความสามารถด้านจัดหน้า ออกแบบหนังสือ หรือผลงานด้านหัตถกรรม ก็มาสามารถนำมาใส่ตรงส่วนนี้ได้..รูปแบบการใส่ของให้มาเป็นรูปภาพ ไม่ควรมาเป็นชิ้นงาน เพราะจะดูรกรุงรังไม่เป็นมืออาชีพครับ..ในที่นี่อาจรวมถึงโครงงานวิทยาศาสตร์ที่เราเคยทำไว้สมัยเรียนก็ได้.. 8.ความสามารถพิเศษด้านต่างๆ
ในส่วนนี้แนะนำให้น้องๆ โชว์ในความสามารถพิเศษที่คนทั่วไปมีอยู่เป็นส่วนน้อยที่สามารถทำได้ หรือเป็นความสามารถพิเศษที่สามารถสอดคล้องกับคณะที่เราต้องการศึกษาต่อ หรือถ้าไม่มี ก็เป็นความสามารถพิเศษทั่วๆ ไป เช่น ร้องเพลง เล่นดนตรี หรือ กีฬา ฯลฯ การเป็นพิธีกรหรือผู้นำเชียร์ ก็ถือเป็นความสามารถพิเศษนะ

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ตลาดน้ำอัมพวา


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ครอบครัวของข้าพเจ้าได้ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ใช้เวลาเดินทางจากเพชรบุรีประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึง ข้าพเจ้าเดินทางถึงตลาดน้ำเวลาบ่าย 3 โมง ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่มีแดด ทำให้เวลาเดินไม่ร้อนจนมากเกินไป ที่ตลาดน้ำอัมพวานั้นเต็มไปด้วยอาหารและขนมโบราณซึ่งหารับประทานได้ยากในสมัยนี้ ระหว่างเดินไป ข้าพเจ้าก็รับประทานไป 2 ข้างทางนั้นเต็มไปด้วยบ้านทรงไทย บ้างบ้านก็ทำเป็น homestay บ้างบ้านก็เปิดร้านอาหาร หรือ ร้านขายของที่ระลึก การไปตลาดอัมพวาครั้งนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกมาก เพราะตั้งแต่ปิดเทอมนั้น ข้าพเจ้ายังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนกับครอบครัวเลย
---- ( ภาพที่เห็น เป็นรูปน้องของข้าพเจ้าเอง )

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

แบบบันทึกการอ่านหนังสือ

ลูกแม่น้ำโขง
ผู้แต่ง : เขมราช
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ปุ้ม เด็กชายตัวอ้วนแห่งลุ่มแม่น้ำโขง ผู้เติบโตมาท่ามกลางความรักของพ่อ แม่ ป้าและยาย แต่เด็กชายก็รู้สึกทุกข์ใจอยู่ลึกๆ เพราะไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเค้า ไม่ว่าจะเป็นเด็กแถวบ้าน ที่ไม่ชอบเค้า เพราะเค้าเป็นลูกข้าราชการ หรือเด็กที่โรงเรียน ที่เห็นว่าเค้าอายุน้อยกว่าเพื่อนๆ และอ้วนอุ้ยอ้าย จนกระทั่งเมื่อแม่พาเขาไปงานวันเด็ก ที่โรงเรียนที่แม่เป็นครูสอนอยู่ ปุ้มได้เข้าร่วมทีมชักเย่อ ของชั้น ป.5 ที่จะแข่งกับชั้น ป.6 และด้วยความตั้งใจที่ปุ้มทุ่มเท ให้กับการแข่งขันทำให้ทีมป. 5 เอาชนะคู่แข่งได้ในที่สุด แต่ที่สำคัญกว่าชัยชนะก็คือ ปุ้มได้เพื่อนใหม่ เป็นลูกพี่ใหญ่ของเด็กชั้นป.5 ชื่อ ล้วน
ล้วนได้สอนให้ปุ้มทำสิ่งต่างๆ มากมาย เช่น การเกี่ยวข้าว การว่ายน้ำ การคบกับล้วน ทำให้ปุ้มมีเพื่อนชั้น ป.5 มากขึ้น แต่ไม่มีเพื่อนชั้น ป.6 เพราะลูกพี่ใหญ่ของชั้น ป.6 ยังไม่
ยอมเป็นมิตร แต่ด้วยความเป็นเด็กที่มีจิตใจดี ในที่สุดเขียว ลูกพี่ใหญ่ของชั้น ป.6 ก็ยอมผูกมิตรด้วย และสิ่งหนึ่งที่เชื่อมโยงมิตรภาพ ของเด็กกลุ่มใหญ่ไว้ด้วยกัน ก็คือ ลูกบอลหนังที่พ่อปุ้มซื้อให้ พวกเด็กๆ มีกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอล การล่ากะปอม มิตรภาพที่ปุ้มมีให้ เพื่อนยังเผื่อแผ่ไปถึง เด็กลาวจากอีกฟากฝั่งแม่น้ำด้วย ...

ก่อนสอบปลายภาค

การเตรียมสอบปลายภาคของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ายังไม่ได้เริ่มอ่านวิชาใดเลย ม.ปลายนั้นสอบ 3 วัน คือ วันจันทร์ พุธ และ ศุกร์ พอสอบเสร็จนั้น ข้าพเจ้าก้อต้องเข้าค่ายต่ออีก 2 ค่าย อาจจะทำให้ข้าพเจ้าไม่มีเวลาพักผ่อนเลย พอเข้าค่ายเสร็จข้าพเจ้าก้อต้องไปเรียนพิเศษที่ กทม. ต่อ เวลานี้ก็ดึกมากเเล้ว ข้าพเจ้าขอไปนอนก่อนนะ ง่วงมากเลยยยย บะบาย

Last WeeK

อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของการเรียนในภาคเรียนที่ 1 แล้ว มีการสอบเก็บคะแนนของหลายๆวิชา วันพุธ สอบพละ วันพฤหัส สอบเคมี ฟิสิกส์ ไทย วันศุกร์ สอบคณิตศาสตร์กับคอมพิวเตอร์ การสอบในหลายๆวิชานั้น ทำให้ข้าพเจ้าและเพื่อนๆอีกหลายคน ต้องอ่านหนังสืออย่างหนัก และ อาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นเราทุกคนควรแบ่งเวลาให้ถูกต้องเเหมาะสม

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

MATH GIFTED

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ ได้ไปเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มเติมนอกเหนือจากบทเรียน กับ อ.รัศมี และ ดร.รวี ซึ่งอาจารย์หมวดคณิตศาสตร์ของโรงเรียนเราได้เชิญมาจาก กทม. เพื่อสอนและเตรียมความพร้อมให้กับพวกเราในการเข้าค่าย คณิตศาสตร์ในวันที่ 1-3 ตุลาคมนี้ที่นครนายก เนื้อหาที่เรียนก็มีเรื่องเกี่ยวกับการพิสูจน์ ซึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจบ้าง และไม่เข้าใจบ้างบางครั้ง แต่ก็สนุกดี และขนมอร่อยมากๆๆ

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

Mother Day

เมื่อวันแม่ที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าได้ทำ

http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=1E7D4CBD0E8D3537GIB8HZ4HKANDDF

Cross Word

นี่เป็น cross word ที่ข้าพเจ้าทำ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
เพื่อนๆสามารถ Download ได้ที่นี่

http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=1E7D4C0A87VLPLGI9BE88MCKIYSY8I

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

3/9'50 MeeTing

ได้มีการจัด meeting ของเพื่อนๆ 3/9'50 ที่ร้านนายบุญล้อม
เพื่อฉลองวันเกิดให้กลับเพื่อน และ เลี้ยงส่งเพื่อนที่จะย้ายไป
เรียนที่จ.อุบลราชธาณี ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมากที่ได้ไปเจอเพื่อนๆ
เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมานั้น ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
เท่าไหร่เลย ได้แต่เรียนกับเรียน เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนพิเศษ
การไป Meeting คราวนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้คุยกับเพื่อนมากขึ้น




วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

SporT DaY


เมื่อกีฬาสีที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าไม่ได้เล่นกีฬาอะไรเลย ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสนั้น
ข้าพเจ้าได้แต่ไปเดินดูการแข่งกีฬาประเภทต่างๆ เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล
เปตอง และ แอโรบิก ข้าพเจ้าชอบดูกีฬาบาสเกตบอลมากๆๆ เพราะมันทั้งสนุกและได้
ลุ้นตลอดเวลา ส่วนวันศุกร์นั้น ข้าพเจ้าได้ไปดูขบวนพาเหรดที่ศาลากลาง แล้วกลับมา
ถือพานสำหรับวางรายงาน เพื่อให้ประธานอ่าน ที่กองกลาง และวันศุกร์นั้นก้อเป็นเวร
ห้องพยาบาลซึ่งย้ายมาทำที่หน้าห้องพละ

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

Forward Mail

นานมาแล้ว โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบๆเปล่าๆ ไม่มีอะไรอยู่เลย
นอกจาก น้ำแข็งก้อนใหญ่กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ที่มีปลายเปิดสามารถ
ปล่อยทรายออก ได้อย่างเดียว น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมา
ตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็ง ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนมใกล้ชิด ความเย็นชาจากน้ำแข็ง
ก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป วันหนึ่งนาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็ง
อย่างรุนแรง ถึงขั้นแตกหัก นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจหนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่านาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน

ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน น้ำแข็งรู้ดีว่าถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่ น้ำแข็ง
จึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆแทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย ดวงจันทร์โคจรผ่านมา
น้ำแข็งจึงถามว่าอีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง ดวงจันทร์บอกว่า
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทันเพราะโลกกำลังจะแยก จึงปล่อยทรายออกมา

ปกคลุมรอยแตกของโลก เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีกทันทีที่รู้ น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย
สายเกินไป ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว
เมื่อน้ำแข็งมาถึงก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้ายจากปากของนาฬิกาทราย

"ฉันรักเธอ" ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที น้ำแข็งจึงเริ่มละลายในขณะ
ที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน
คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์ อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้

คุณได้รับเมลนี้จากใครบางคนที่อยากให้คุณรู้ว่าเขายัง
เป็นห่วงคุณเสมอแม้คนๆนั้นจะไม่เคยบอกคุณเลย

ช่วยส่งเมลนี้กลับเพื่อตอบรับความห่วงใย


วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ครั้งแรก

สวัสดีค่ะ

ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ทำblog และข้าพเจ้าก็หวังว่าเพื่อนๆจะมาช่วยกันcommentน่ะค่ะ

ปล.บ๊ะบาย